ใช้ PrEP หรือ PEP ยังไงให้ได้ผลจริง? เคล็ดลับการใช้ยาต้านไวรัสอย่างปลอดภัย

บทนำ: ใช้ยาให้ถูกวิธี = ป้องกัน HIV ได้จริง

ในโลกปัจจุบัน การป้องกันการติดเชื้อ HIV ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้ถุงยางอนามัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ยาต้านไวรัสแบบ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) และ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเชื้อ HIV หากใช้อย่างถูกต้อง



หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ PrEP หรือ PEP แต่ยังไม่แน่ใจว่าแตกต่างกันอย่างไร ควรใช้ตอนไหน และต้องทำยังไงจึงจะ “ได้ผลจริง” และ “ปลอดภัย” บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจอย่างละเอียด พร้อมเทคนิคและคำแนะนำจากแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์

PrEP และ PEP คืออะไร? เข้าใจพื้นฐานก่อนใช้

PrEP: ยาก่อนสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis)

PrEP คือการรับประทานยาต้านไวรัส HIV ก่อน มีความเสี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
  • มีคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง
  • มีคู่นอนที่มีเชื้อ HIV
  • ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • เป็นชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่เป็นประจำ
โดยทั่วไปต้องกินยาทุกวัน วันละ 1 เม็ด และใช้ร่วมกับการตรวจสุขภาพเป็นระยะ

PEP: ยาหลังสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis)

PEP คือการใช้ยาต้านไวรัส หลัง จากได้รับความเสี่ยงต่อเชื้อ HIV เช่น
  • ถุงยางอนามัยแตก
  • มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
  • ถูกข่มขืน
  • บุคลากรทางการแพทย์ถูกเข็มตำ
  • ต้องเริ่มกินยา ภายใน 72 ชั่วโมง หลังได้รับความเสี่ยง และกินต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วันโดยไม่ขาด

เคล็ดลับการใช้ PrEP ให้ได้ผลจริง

กินยาอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

PrEP จะได้ผลสูงสุดเมื่อคุณกินยา “ทุกวัน” อย่างต่อเนื่อง เพราะระดับยาในเลือดต้องอยู่ในระดับที่เพียงพอเพื่อป้องกันเชื้อ หากลืมกินยาเป็นประจำ ความเสี่ยงในการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น

คำแนะนำ:
  • ตั้งนาฬิกาเตือน
  • พกยาไว้ในกระเป๋า/โต๊ะทำงาน
  • ใช้กล่องแบ่งยารายวัน
ตรวจสุขภาพและตรวจ HIV อย่างสม่ำเสมอ

ก่อนเริ่มใช้ PrEP ต้องตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่า ยังไม่ติดเชื้อ HIV และตรวจการทำงานของตับ-ไต รวมถึงไวรัสตับอักเสบบี

ระหว่างใช้ยา: ควรกลับมาตรวจตามแพทย์นัดทุก 3 เดือน เพื่อ:
  • ตรวจ HIV ซ้ำ
  • ตรวจ STD อื่น ๆ
  • ตรวจการทำงานของไต
อย่าหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

บางคนหยุดยาเองเพราะคิดว่าไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างที่เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่า “ควรหยุด” หรือ “เปลี่ยนรูปแบบการใช้” เช่น เป็น PrEP แบบเฉพาะช่วง (Event-Driven PrEP)

ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

แม้ PrEP จะป้องกัน HIV ได้เกือบ 99% หากกินถูกวิธี แต่ “ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ” ได้ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม หรือ HPV ดังนั้น ถุงยางยังคงจำเป็น


เคล็ดลับการใช้ PEP ให้ได้ผลสูงสุด

  1. เริ่มใช้ยาให้เร็วที่สุด – ภายใน 72 ชั่วโมง: PEP มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเริ่มภายใน 2 ชั่วโมงแรก และประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมงโดยเด็ดขาด
  2. ห้ามขาดยาแม้แต่วันเดียว: PEP ต้องกินวันละ 1–2 เม็ด (ขึ้นอยู่กับสูตรยา) ติดต่อกัน 28 วัน หากขาดยาแม้แต่วันเดียว อาจทำให้การป้องกันล้มเหลว
    • คำแนะนำ:
      • พกยาไว้กับตัวเสมอ
      • ตั้งเตือนในมือถือ
      • ขอรับคำปรึกษาเรื่องผลข้างเคียงจากแพทย์
  3. ตรวจ HIV ก่อนและหลังใช้ PEP: ก่อนเริ่มใช้ยา ต้องตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ หลังจบการกินยา 28 วัน ควรตรวจเลือดซ้ำเพื่อประเมินผลการป้องกัน และตรวจหาโรคติดต่ออื่น ๆ ด้วย
  4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงระหว่างใช้ยา: ระหว่าง 28 วันห้ามมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันเด็ดขาด เพราะหากได้รับเชื้อซ้ำจะลดประสิทธิภาพของ PEP

ผลข้างเคียงจาก PrEP และ PEP ที่ควรรู้

โดยทั่วไป ยาทั้งสองชนิดปลอดภัยและผลข้างเคียงไม่รุนแรง แต่อาจพบอาการดังนี้:
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เวียนศีรษะ
  • ท้องอืด ปวดท้อง
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ
อาการเหล่านี้มักหายได้เองในไม่กี่วัน แต่หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ทันที

ข้อควรระวังและข้อห้ามในการใช้ PrEP และ PEP

❗️ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ควรใช้ PrEP หรือ PEP เป็นการรักษา ต้องได้รับยารักษาแบบ ART แทน
❗️ห้ามแบ่งยาหรือใช้ร่วมกับผู้อื่น
❗️หากแพ้ยาหรือมีโรคประจำตัว เช่น ไตอักเสบ ต้องแจ้งแพทย์
❗️หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรได้รับการประเมินก่อนใช้

PrEP หรือ PEP แบบไหนเหมาะกับคุณ?


ลักษณะการใช้

PrEP

PEP

เวลาเริ่มใช้

ก่อนความเสี่ยง

หลังความเสี่ยง

ระยะเวลาที่ใช้

ใช้ต่อเนื่อง (ทุกวัน) หรือเฉพาะช่วง

ใช้ 28 วันติดต่อกัน

เหมาะกับใคร

ผู้มีความเสี่ยงซ้ำๆ

ผู้ที่เพิ่งได้รับความเสี่ยง

ตรวจ HIV

ทุก 3 เดือน

ก่อนและหลัง 28 วัน

ผลลัพธ์

ป้องกันล่วงหน้า

ป้องกันหลังเสี่ยง

เริ่มใช้ PrEP หรือ PEP ได้ที่ไหน?

ในประเทศไทยมีบริการให้ยา PrEP และ PEP ผ่านหลายช่องทาง เช่น:
  • โรงพยาบาลรัฐและเอกชน
  • คลินิกเฉพาะทาง HIV/STI
  • ศูนย์สุขภาพชุมชนและองค์กร NGO ที่ให้บริการกลุ่มเสี่ยง
  • คลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการของ สปสช.
  • จองคิวรับ PrEP ผ่าน Love2test
สิทธิประโยชน์: ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองหรือสิทธิประกันสังคมบางแห่ง อาจสามารถเข้าถึงยาได้ฟรีหรือลดค่าใช้จ่าย


คำแนะนำจากแพทย์: ป้องกัน HIV ต้องอาศัย “ความต่อเนื่อง”

“PrEP และ PEP ไม่ใช่ยาวิเศษที่ป้องกันได้ 100% หากใช้อย่างผิดวิธี ความสม่ำเสมอ การติดตามผล การตรวจสุขภาพร่วมกัน และพฤติกรรมปลอดภัย คือหัวใจของการป้องกัน HIV อย่างยั่งยืน” — แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สรุป: ใช้ให้ถูก ป้องกันได้จริง ปลอดภัยทั้งตัวคุณและคนที่คุณรัก

  • PrEP = กิน ก่อน เสี่ยง ใช้เป็นประจำเพื่อป้องกันในระยะยาว
  • PEP = กิน หลัง เสี่ยง ภายใน 72 ชั่วโมง และต่อเนื่อง 28 วัน
  • ใช้ให้ถูกวิธี = ได้ผลจริง ลดความเสี่ยงเกือบ 100%
  • ห้ามหยุดยาเอง ห้ามขาดยา และควรใช้ถุงยางร่วมด้วยเสมอ
  • ตรวจ HIV เป็นประจำ และรับคำแนะนำจากแพทย์เสมอ
การมีเซ็กส์ที่ปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องของการป้องกันตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและคู่ของคุณด้วย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการใช้ยา PrEP และ PEP: https://ddc.moph.go.th
WHO. Guidelines on PrEP and PEP: https://www.who.int
CDC. PrEP & PEP Facts: https://www.cdc.gov
Thai Red Cross AIDS Research Centre. ข้อมูลการใช้ PrEP และ PEP: https://www.trcarc.org