คุณเคยมีช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดไหม? เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือแม้แต่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน พอรู้ตัวอีกทีก็เต็มไปด้วยความกังวลว่า “เราจะติดเชื้อ HIV ไหม?” คำตอบคือ อย่าเพิ่งตกใจ! เพราะปัจจุบันมีทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก นั่นก็คือ “ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน” หรือที่หลายคนเรียกว่า PEP (Post-Exposure Prophylaxis) บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักแบบละเอียดว่า ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน คืออะไร ใช้อย่างไร และต้องกินภายในกี่ชั่วโมงถึงจะได้ผลดีที่สุด
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน คืออะไร?
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน คือการใช้ยาต้านไวรัสในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ยานี้ไม่ใช่ยาที่ใช้รักษา แต่เป็นการป้องกันแบบฉุกเฉินหลังเสี่ยง ชื่อทางการแพทย์เรียกว่า PEP (Post-Exposure Prophylaxis) หมายถึง “การป้องกันหลังสัมผัสเชื้อ” ซึ่งต้องเริ่มใช้โดยเร็วที่สุด
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ต้องกินภายในกี่ชั่วโมง?
นี่คือคำถามที่สำคัญที่สุด!
- ควรกินภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากมีความเสี่ยง
- ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไร ประสิทธิภาพยิ่งสูง → แนะนำให้กินภายใน 2 ชั่วโมงแรก
- หากเกิน 72 ชั่วโมงไปแล้ว การใช้ PEP จะไม่ได้ผล
ดังนั้น หากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ถุงยางแตก หรือโดนเข็มตำ ควรรีบไปพบแพทย์หรือคลินิกใกล้บ้านทันทีเพื่อรับ ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ใช้อย่างไร?
- ใช้ยาต้าน อย่างน้อย 2–3 ชนิด รวมกัน
- กินต่อเนื่องทุกวัน นาน 28 วัน
- ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อเลือกสูตรยาที่เหมาะสมและลดผลข้างเคียง
- ควรตรวจเลือด HIV ก่อนเริ่มยา และตรวจซ้ำหลังครบกำหนด (4–6 สัปดาห์, 3 เดือน, 6 เดือน)
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ต่างจาก PrEP อย่างไร?
หลายคนสับสนระหว่าง PrEP และ PEP
- PrEP: กินล่วงหน้า ก่อนมีความเสี่ยง เหมาะกับผู้ที่เสี่ยงซ้ำ ๆ
- PEP (ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน): กินหลังมีความเสี่ยง ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉิน
สรุปง่าย ๆ → PrEP = กันล่วงหน้า, PEP = กันหลังเสี่ยง
ใครควรใช้ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน?
- ผู้ที่ถุงยางแตกหรือหลุดระหว่างเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับคู่ที่ไม่รู้สถานะ HIV
- ผู้ที่โดนล่วงละเมิดทางเพศ
- บุคลากรทางการแพทย์ที่โดนเข็มตำ
- ผู้ที่เผลอใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน มีผลข้างเคียงไหม?
ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงไม่รุนแรง เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ท้องเสีย
ผลข้างเคียงมักหายไปเมื่อร่างกายปรับตัวได้ และไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน หาซื้อได้ที่ไหน?
- โรงพยาบาลรัฐ
- โรงพยาบาลเอกชน
- คลินิกชุมชนที่มีบริการ PEP
- คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย
หมายเหตุ: ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ไม่สามารถซื้อเองที่ร้านขายยา ต้องได้รับจากแพทย์เท่านั้น
ค่าใช้จ่ายในการใช้ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน
- โรงพยาบาลรัฐ: 1,000–3,000 บาท (บางสิทธิ์อาจครอบคลุม)
- โรงพยาบาลเอกชน: 3,000–7,000 บาท (ขึ้นกับสูตรยา)
- คลินิกชุมชน/โครงการ NGO: บางครั้งมีให้บริการฟรีหรือราคาต่ำ
ความสำคัญของการตรวจติดตามหลังใช้ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน
แม้จะกินยาครบ 28 วันแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องตรวจ HIV ซ้ำตามกำหนด
- ครั้งที่ 1: ก่อนเริ่มใช้ยา
- ครั้งที่ 2: หลังครบ 4–6 สัปดาห์
- ครั้งที่ 3: หลัง 3 เดือน
- ครั้งที่ 4: หลัง 6 เดือน
เพราะการตรวจติดตามช่วยยืนยันผลและสร้างความมั่นใจได้ 100%
ประสบการณ์จริงจากเพื่อน
เพื่อนผมเล่าว่า เคยเจอเหตุการณ์ถุงยางแตก ตอนแรกตกใจมาก แต่รีบไปที่คลินิกใน 4 ชั่วโมงหลังเสี่ยง แพทย์ให้ ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน มากินต่อเนื่อง 28 วัน ผลตรวจหลังจากนั้นเป็นลบ ทำให้เรียนรู้ว่า “ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งป้องกันได้จริง”
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาต้าน HIV ฉุกเฉิน
1. กินเกิน 72 ชั่วโมงยังได้ผลไหม?
= ไม่ได้ หากเกิน 72 ชั่วโมง PEP จะไม่สามารถป้องกันได้
2. ต้องกินยากี่วัน?
= 28 วันต่อเนื่อง
3. กินยาต้าน HIV ฉุกเฉินแล้ว จะกันโรคติดต่อทางเพศอื่นได้ไหม?
= ไม่ ยาป้องกันได้เฉพาะ HIV โรคอื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน ยังต้องใช้ถุงยางอนามัย
4. ต้องใช้ถุงยางแม้กำลังกิน PEP อยู่หรือไม่?
= ควรใช้ เพื่อป้องกันโรคอื่นและลดความเสี่ยงเพิ่ม
เคล็ดลับใช้ยาต้าน HIV ฉุกเฉินอย่างถูกต้อง
- รีบเริ่มกินยาให้เร็วที่สุด
- กินยาตรงเวลา ห้ามลืม
- ไม่หยุดยาเอง
- ตรวจเลือดตามนัด
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างใช้ยา
สรุป
ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน หรือ PEP เป็น “ทางออกสำคัญ” เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลังเสี่ยง โดยต้องกินยา ภายใน 72 ชั่วโมง และยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งได้ผล ควรกินต่อเนื่อง 28 วัน และตรวจเลือดติดตามตามแพทย์นัด สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลังเล อย่ารอเวลา หากเสี่ยงแล้วควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้ยาต้าน HIV ฉุกเฉินช่วยป้องกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ
อ้างอิงข้อมูลจาก:
➡︎ ยาเป๊ป pep ยาต้าน HIV ฉุกเฉิน ข้อควรรู้ก่อนกิน!
➡︎ ยาเป๊ป (PEP) ยาต้านฉุกเฉินหลังเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี
➡︎ การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ